มลภาวะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำร้ายผิวของเราในทุกๆ วัน ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง ควันรถยนต์ หรือสารเคมีต่างๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศ ปัญหามลภาวะเหล่านี้เป็นสาเหตุของปัญหาผิว เช่น ผิวหมองคล้ำ สิว ฝ้า และริ้วรอยก่อนวัย การดูแลและปกป้องผิวจากมลภาวะจึงเป็นเรื่องสำคัญมากในยุคปัจจุบัน ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำ 7 วิธีในการปกป้องผิวจากมลภาวะที่สามารถทำตามได้ง่ายๆ พร้อมให้คุณมีผิวสวยสุขภาพดีไปอีกนาน
1. ล้างหน้าให้สะอาดล้ำลึก
การล้างหน้าเป็นขั้นตอนพื้นฐานที่ช่วยขจัดสิ่งสกปรกและมลภาวะที่ติดค้างบนผิวหน้าออกไป การล้างหน้าควรทำอย่างน้อยวันละสองครั้ง คือเช้าและก่อนนอน เพื่อขจัดฝุ่นละออง ควัน และสิ่งสกปรกที่เราสัมผัสในแต่ละวัน การเลือกใช้คลีนเซอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวก็เป็นสิ่งสำคัญ เช่น คนที่มีผิวมันควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยควบคุมความมัน ส่วนคนผิวแห้งควรเลือกใช้คลีนเซอร์ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อไม่ให้ผิวแห้งตึงหลังการล้างหน้า
เคล็ดลับการล้างหน้าให้สะอาดล้ำลึก:
- ใช้น้ำอุ่นในการล้างหน้า เพราะน้ำร้อนเกินไปจะทำให้ผิวแห้ง และน้ำเย็นเกินไปอาจไม่สามารถขจัดสิ่งสกปรกได้ดีพอ
- ล้างหน้าอย่างเบามือ โดยใช้ปลายนิ้วนวดคลีนเซอร์เบาๆ เป็นวงกลม เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
- ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดอย่างน้อย 30 วินาที แล้วใช้ผ้าสะอาดซับหน้าเบาๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียดสีผิว
2. ใช้โทนเนอร์เพื่อล้างสิ่งตกค้าง
หลังจากการล้างหน้า โทนเนอร์เป็นขั้นตอนต่อมาที่หลายคนมองข้าม แต่จริงๆ แล้วโทนเนอร์มีความสำคัญมากในการช่วยปรับสมดุลของผิวและขจัดสิ่งตกค้างที่คลีนเซอร์อาจจะพลาดไป นอกจากนี้โทนเนอร์ยังช่วยเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป ลดการเกิดสิวและปัญหาผิวต่างๆ จากการสะสมของมลภาวะบนผิวหน้า
คุณประโยชน์ของโทนเนอร์:
- ช่วยกระชับรูขุมขน ลดความมันบนผิวหน้า
- ขจัดคราบสิ่งสกปรกที่ยังหลงเหลือหลังการล้างหน้า
- ปรับสมดุลค่า pH ของผิวให้เหมาะสมกับการบำรุงในขั้นตอนถัดไป
วิธีใช้โทนเนอร์ที่ถูกต้อง:
- เทโทนเนอร์ลงบนสำลี แล้วเช็ดเบาๆ ทั่วใบหน้า โดยเน้นบริเวณที่มีความมันหรือรูขุมขนกว้าง
- หลีกเลี่ยงการเช็ดแรงเกินไป เพราะจะทำให้ผิวระคายเคือง
3. ทาครีมกันแดดทุกวัน
แสงแดดเป็นศัตรูตัวฉกาจของผิว การปกป้องผิวจากรังสียูวีเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นประจำทุกวันไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรือออกนอกบ้าน ครีมกันแดดไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดเท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันผิวจากมลภาวะในอากาศที่สามารถทำให้ผิวอักเสบและเสื่อมสภาพได้
คำแนะนำในการเลือกครีมกันแดด:
- เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป เพื่อการปกป้องที่ครอบคลุม
- เลือกใช้สูตรที่เหมาะสมกับสภาพผิว เช่น คนผิวมันควรใช้ครีมกันแดดสูตรน้ำหรือเจล ส่วนคนผิวแห้งควรใช้สูตรครีมที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์
- ทาครีมกันแดดก่อนออกแดดอย่างน้อย 15-30 นาที และควรทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมงหากต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน
การทาครีมกันแดดให้ได้ผล:
- ทาครีมกันแดดให้ทั่วทั้งใบหน้าและลำคอ
- ใช้ในปริมาณที่เพียงพอ ไม่ควรทาน้อยเกินไป เพราะจะไม่สามารถปกป้องผิวได้เต็มที่
4. ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมป้องกันมลภาวะ
มอยส์เจอไรเซอร์นอกจากจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวแล้ว ยังสามารถทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิวจากมลภาวะได้อีกด้วย ปัจจุบันมีมอยส์เจอไรเซอร์หลายชนิดที่มีส่วนผสมเฉพาะช่วยป้องกันผิวจากฝุ่นละออง ควัน และสารพิษในอากาศ การเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะสมจะช่วยเสริมเกราะป้องกันให้กับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนผสมที่ควรมองหาในมอยส์เจอไรเซอร์:
- Antioxidants (สารต้านอนุมูลอิสระ): ช่วยป้องกันและซ่อมแซมผิวจากการทำร้ายของอนุมูลอิสระ
- Hyaluronic Acid: ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวไม่แห้งกร้าน
- Niacinamide: ช่วยลดการอักเสบและเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว
เคล็ดลับการใช้มอยส์เจอไรเซอร์:
- ทามอยส์เจอไรเซอร์ทันทีหลังล้างหน้า เพราะผิวจะดูดซึมความชุ่มชื้นได้ดีที่สุดเมื่อผิวยังชื้น
- ใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากเกินไปเพราะจะทำให้ผิวมันเกินไป หรือไม่น้อยเกินไปเพราะจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดี
5. สครับผิวเป็นประจำ
การสครับผิวเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ทำให้ผิวเรียบเนียนและดูสดใสขึ้น การสครับยังช่วยให้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวซึมเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น และลดการอุดตันของรูขุมขนที่เป็นสาเหตุของสิวอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การสครับผิวไม่ควรทำบ่อยเกินไป เพราะจะทำให้ผิวระคายเคืองได้
วิธีสครับผิวให้ได้ผล:
- เลือกสครับที่มีเม็ดสครับละเอียด ไม่หยาบเกินไป เพื่อไม่ให้เกิดการขูดขีดผิวจนทำให้ผิวเสียหาย
- สครับผิวเบาๆ โดยเฉพาะบริเวณที่ผิวบอบบาง และทำไม่เกิน 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
ประโยชน์ของการสครับผิว:
- ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้ผิวดูสดใสและเรียบเนียน
- กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้ผิวดูสุขภาพดี
6. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) เป็นสารที่ช่วยปกป้องผิวจากการทำร้ายของอนุมูลอิสระที่เกิดจากมลภาวะในอากาศ รวมถึงแสงแดด การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี วิตามินอี หรือสารสกัดจากชาเขียว จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดริ้วรอยก่อนวัยและปัญหาผิวอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สารต้านอนุมูลอิสระที่ควรมองหา:
- วิตามินซี (Vitamin C): ช่วยฟื้นฟูผิวหมองคล้ำและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
- วิตามินอี (Vitamin E): ช่วยป้องกันผิวจากการเสื่อมสภาพ
- ชาเขียว (Green Tea Extract): มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะและลดการอักเสบ
เคล็ดลับในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ:
- ทาเซรั่มหรือครีมที่มีสารต้านอนุมูลอิสระหลังจากทำความสะอาดผิว เพื่อให้สารสำคัญซึมลึกเข้าสู่ผิวได้ดี
- ใช้เป็นประจำเช้าและเย็นเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
7. รับประทานอาหารที่ช่วยปกป้องผิว
การดูแลผิวจากภายในเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม อาหารที่เรารับประทานสามารถช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันให้กับผิวได้อย่างดี อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ จะช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะและบำรุงผิวให้ดูสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก
อาหารที่ช่วยปกป้องผิว:
- ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่: มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ
- ปลาแซลมอน: อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ที่ช่วยลดการอักเสบและบำรุงผิว
- ผักใบเขียว: เช่น ผักโขมและคะน้า มีวิตามินเอ ซี และอี ที่ช่วยบำรุงผิวและปกป้องผิวจากมลภาวะ
เคล็ดลับในการเลือกอาหารที่ดีต่อผิว:
- รับประทานอาหารที่หลากหลายและสมดุล เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูงและอาหารแปรรูป เพราะจะทำให้ผิวเกิดการอักเสบและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
บทสรุป
การปกป้องผิวจากมลภาวะไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เรามีการดูแลผิวอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ ด้วยการล้างหน้า ใช้โทนเนอร์ ทาครีมกันแดด ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะสม รวมถึงการสครับผิวและใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ การรับประทานอาหารที่ดีต่อผิวก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญเช่นกัน การดูแลผิวจากภายในและภายนอกควบคู่กันจะทำให้คุณมีผิวที่แข็งแรงและสวยงามอย่างยาวนาน